บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 12 ผมจะทำเบาๆ

ตอนที่ 12 ผมจะทำเบาๆ

เขาพาเธอไปจดทะเบียนสมรสในสำนักงานเขตที่มีเพื่อนสมัยเรียนมัธยมปลายทำงานเป็นปลัดอำเภออยู่ เขาใส่แมสและหมวกอำพรางใบหน้าแล้วขอพบเพื่อนเป็นการส่วนตัวแล้วเอ่ยถึงความต้องการทันที

“ไอ้พุฒิ นี่กูเอง”

เขาถอดแมสออกมาเมื่อเข้ามาอยู่ในห้องส่วนตัวของเพื่อน

“ไอ้โปรด มาทำอะไรวะ ปิดหน้าปิดตาจนจำไม่ได้”

“กูมีเรื่องให้ช่วย กูจะจดทะเบียนสมรส แต่ไม่อยากให้ใครรู้ อยากให้เป็นความลับ และกูก็ไม่มีพยานมาด้วย”

“ห๊ะ มึงจะจดทะเบียนสมรส อะไร ยังไงวะ แล้วพ่อแม่มึงรู้ยัง”

“พ่อแม่ยิ่งให้รู้ไม่ได้ มึงก็รู้ว่าเกิดข่าวรั่วออกไป กูหมดอนาคตในวงการแน่”

“เห้ย ถ้างั้นแล้วมึงจะจดทำไม รอให้มึงพร้อมจะเปิดเผยค่อยแต่งงานไม่ดีกว่าหรอวะ ไม่เสี่ยงโดนแม่ดาแหกอกเอาด้วย”

“มันจำเป็นว่ะ เออน่า กูพูดอะไรมากไม่ได้ จัดการให้กูหน่อยสิ”

“เออๆ เดี๋ยวกูจัดการให้ จะเอาใบคำร้องมาให้ แต่คงต้องไปให้พยานเซ็นก่อน เกิดเห็นชื่อมึงคงแตกตื่นทั้งหน่วย”

“อืม ขอบใจมึงมาก”

แล้วปลัดอำเภอเพื่อนสมัยมัธยมปลายของเขาก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง เมื่อใบทะเบียนสมรสทั้งสองใบ ถูกใส่ซองอย่างดีและมาอยู่ในมือของเขาแล้ว แถมยังจัดการเปลี่ยนนามสกุลให้เธอจนเรียบร้อยพร้อมทั้งถ่ายบัตรประชาชนใบใหม่ให้เธออีกต่างหาก

ปุณณัตถ์มองบัตรประชาชนใบใหม่ของเธอ มีผู้หญิงมาร่วมใช้นามสกุลในฐานะภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา มันก็รู้สึกแปลกๆเหมือนกันนะ จะว่าดี มันก็คงดีอยู่หรอกมั้ง เพราะเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญหรืออยากสลัดเธอออกจากชีวิตเหมือนคู่นอนคนอื่นๆ ตรงกันข้าม กลับเป็นเธอต่างหากที่พยายามสลัดเขาให้หลุดออกไปจากชีวิตของเธออย่างไม่ไยดีเลย

เขาส่งบัตรประชาชนใบนั้นให้เธอ ถือเป็นการหยิบยื่นชีวิตใหม่ให้ ชีวิตที่ไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกตลอดไป และเธอก็รับบัตรประชาชนใบนั้นมาด้วยมือที่สั่นน้อยๆ รู้สึกเขินๆและไม่ชินกับนามสกุลของเขา เพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมา เธอก็ใช้นามสกุลของพ่อมาโดยตลอด แต่ก็ต้องใช้นามสกุลนี้แค่สองปีเท่านั้นสินะ ก็คงไม่จำเป็นต้องปรับตัวให้ชินอะไรหรอก เพราะแค่ชั่วพริบตาเดียว เธอก็ต้องหย่ากับเขาและกลับไปใช้นามสกุลเดิม และใช้ชีวิตแบบเดิมๆที่ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป

ปุณณัตถ์ลากกระเป๋าเดินทางใบโตและหอบหิ้วกระเป๋าสมบัติบ้าของเธอเต็มสองมือเดินเข้าห้องนอนของตัวเองไป ในขณะที่เธอเดินตามเขามาแล้วสังเกตเห็นประตูห้องนอนอีกห้องที่ติดกัน จึงร้องเรียกเขาเอาไว้

“คุณโปรด หยุดก่อนค่ะ”

เขาหยุดชะงักตามคำของเธอ แล้วหันกลับมายกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงถามว่าเธอมีอะไร

“นี่ประตูห้องนอนหรือเปล่าคะ”

เธอชี้ไปที่บานประตูอีกห้องที่ติดกันกับประตูห้องนอนเขา จนเขาต้องแอบค่อนขอดเธอในใจถึงความช่างสังเกตของเธอ

“ใช่ ทำไมหรอ”

“แล้วทำไมคุณไม่เอาของของฉันไปไว้ในห้องนี้ละคะ จะเอาไปที่ห้องคุณทำไม”

เธอจำได้ ว่าห้องนั้นคือห้องนอนที่แสนกว้างขวางและโอ่อ่าของเขา เพราะเธอเคยได้เข้าไปนอนมาแล้วคืนหนึ่ง

“จำได้ด้วยหรอ ว่านี่เป็นห้องนอนของผม”

เขาเลิกคิ้วอีกครั้งเพื่อเย้าเธอเล่น และก็ได้รับใบหน้างอง้ำของว่าที่คุณแม่ตอบกลับมา

“ค่ะ แล้วเรื่องห้องของฉัน..”

“คุณต้องนอนห้องผม”

“แต่เราแต่งงานกันปลอมๆนะคะ ไม่ต้องนอนห้องเดียวกันก็ได้”

“ปลอมตรงไหน เราจดทะเบียนสมรสกันจริง มีผลทางกฎหมายจริง ผมเป็นอะไรไปในวินาทีนี้ คุณก็ได้สมบัติทุกอย่างของผมจริง แล้วคุณว่ามีอะไรปลอม”

“ก็ความสัมพันธ์ของเราสองคนไงคะ ที่ปลอม เราไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย”

“ไม่ได้เป็นได้ยังไง แล้วในท้องคุณนั่นล่ะ เข้าไปอยู่ได้ยังไง คงไม่ใช่แค่ผมมองตาคุณตอนที่คุณกำลังสัมภาษณ์ละครเรื่องใหม่ของผมอยู่หรอกมั้ง อัณณา”

เธออ้าปากค้าง เถียงเขาไม่ออก แต่ยังไงเราสองคนก็ไม่ได้เป็นคนรักกันจริงๆเสียหน่อย

“แต่เราไม่ได้คบกันนะคะ ที่ต้องมาอยู่ด้วยกันก็เพราะลูกและข้อตกลงสองปีของเรา แล้วเราก็ไม่ได้ตกลงว่าจะนอนห้องเดียวกันด้วย”

“คุณจะเปลี่ยนใจหรอ”

“เอ่อ มะ ไม่ค่ะ แต่ฉันแค่จะขอไปนอนอีกห้อง เผื่อคุณพาสาวๆหรือคนรักของคุณมานอนค้าง เราจะได้ไม่ลำบากใจและอึดอัดกันเปล่าๆ”

เธอก้มหน้าหลบตาเขา เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ใจดวงน้อยก็อดที่จะวูบโหวงไม่ได้ เมื่อต้องคิดว่าตลอดเวลาที่อยู่กับเธอ เขาจะไปนอนกอดกับใครอีก

“ผมไม่เคยพาใครมานอนห้องนี้ และผมไม่เคยนอนค้างกับใคร สบายใจได้ กำลังท้องกำลังไส้ อย่าขี้หึงนัก เดี๋ยวลูกออกมาอารมณ์ไม่ดี”

“หึงอะไรเล่า ฉันไม่ทำผิดข้อตกลงหรอกน่า”

“ดี แล้วอีกอย่าง ผมลืมบอกไป ข้อตกลงอีกข้อ สำคัญมาก คือคุณต้องทำตามที่ผมบอกและทำตามสิ่งที่ผมต้องการทุกอย่าง”

“ได้ไงคะ มาเพิ่มข้อตกลงตอนนี้ แล้วมันก็มากไปด้วย”

“แปลว่าคุณจะเปลี่ยนใจ”

อัณณาเม้มปากแน่น คิ้วขมวดจนแทบจะชนกัน จนเขานึกขำเธออีกครั้ง เจ้าอารมณ์จริงๆเลยนะ คุณแม่

“จะเปลี่ยนใจได้ไงเล่า ฉันจดทะเบียนสมรสกับคุณไปแล้วนะ”

“อืม งั้นก็แค่ทำตามที่ผมสั่ง อย่างไม่มีเงื่อนไข อีกอย่างที่ผมบังคับให้คุณต้องมานอนห้องเดียวกัน ก็ไม่ได้พิศวาสอะไรมากมายหรอกนะ แต่คุณแพ้ท้องมากจนเป็นลมเป็นแล้งแบบนี้ จะให้อยู่ไกลสายตาได้ไง เกิดลูกผมเป็นอะไรขึ้นมาล่ะ คุณจะทำไง”

จริงสินะ เขาก็แค่เป็นห่วงความปลอดภัยของลูก ไม่ได้รู้สึกพิศวาสอะไรในตัวเธอแม้แต่น้อย อย่าได้เข้าใจผิดไปเชียว

“มา เข้าห้องมาได้แล้ว เดี๋ยวผมจัดเสื้อผ้าใส่ตู้ให้”

พูดจบก็รีบเดินไปที่ห้องแต่งตัว พร้อมกับเปิดกระเป๋าเสื้อผ้าของเธอออกมาเพื่อจะแขวนเข้าตู้ใบใหญ่ที่มีเสื้อผ้าของเขาอยู่ค่อนตู้ทันที

“ไม่ต้องค่ะ ฉันจัดเอง”

“กำลังท้อง มาก้มๆเงยๆ เมื่อกี้คุณก็เหนื่อยจัดลงกระเป๋ามาแล้ว ให้เอาแขวนอีกเกิดหน้ามืดล้มฟาดพื้นขึ้นมาจะทำไง ทำอะไรคิดถึงลูกให้มากๆหน่อย ผมก็ไม่ได้อยากทำให้คุณหรอกนะ ผมทำเพื่อความปลอดภัยของลูกทั้งนั้น”

มาเป็นชุดและเธอก็ไม่สามารถเถียงอะไรเขาได้อีกตามเคย จึงเดินคอตกกลับไปนั่งรอเขาอยู่บนเตียงกว้าง เธอรอเขาอยู่นานจนค่อยๆขยับกายไปเอนหลังนอนแล้วงีบหลับไป

ปุณณัตถ์เดินออกมาจากห้องแต่งตัวก็พบกับภรรยาหมาดๆ นอนหลับอยู่บนเตียงแล้ว จึงส่ายหน้าให้คนขี้เซาน้อยๆ อาหารเย็นก็ยังไม่ตกถึงท้องก็หลับไปอีกแล้ว จึงเดินออกไปทำอาหารเย็นง่ายๆสำหรับเขากับเธอ เมื่อทำเสร็จก็เดินเข้ามาปลุกเธอที่ตอนนี้ยังนอนหลับตาพริ้ม ไม่รับรู้การเข้ามาของเขาเลย

เขาเดินไปนั่งลงเคียงข้างเธออย่างแผ่วเบา มือใหญ่ปัดปอยผมที่ตกลงมาปิดบังใบหน้าให้เธอด้วยความอ่อนโยน ก่อนที่จะยื่นไปลูบแก้มนวลเนียนของเธอเบาๆหลายครั้ง

“อัณณา ตื่นได้แล้ว”

“อืมม”

คนขี้เซาเพราะมีอีกหนึ่งชีวิตในร่างกายงึมงำเสียงเบา แล้วก็นอนหลับต่อไป

“อัณณ์ครับ ตื่นได้แล้ว ลุกมากินข้าวก่อนค่อยอาบน้ำนอน”

“อืมม อัณณ์ไม่หิวค่ะ”

คนตัวบางงึมงำออกมาด้วยความไม่มีสติ แถมยังเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นอย่างน่ารัก จนเขาอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ ความทรงจำในคืนนั้นกลับมาอีกครั้ง คืนที่เธอกับเขาแนบชิดหลอมรวมกายเป็นหนึ่งเดียวกัน คืนที่เธอเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อเล่น และเรียกชื่อเขาเสียงหวานตลอดทั้งคืน

ชายหนุ่มผู้เต็มไปด้วยเลือดเนื้อกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เขาพยายามข่มใจแล้ว แต่สุดท้ายก็อดใจไม่อยู่ ก้มหน้าลงไปหอมแก้มนวลของเธออย่างแผ่วเบาอยู่หลายครั้ง

ตอหนวดที่ตำอยู่บนใบหน้าของเธอ ทำให้เธอรู้สึกตัวตื่น ตากลมโตกะพริบหลายครั้งก่อนที่มันจะเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อมองเห็นเขา สามีโดยประมาทของเธอกำลังก้มลงป้วนเปี้ยนลากกึ่งปากกึ่งจมูก จูบซับแก้มนวลของเธอเบาๆอยู่อย่างนั้น และไม่มีท่าทีที่จะหยุด จึงเอ่ยขัดเขาขึ้นมา

“คุณโปรด ทำอะไรคะ”

“หื้มมม หอมแก้มเมียไง”

ตาโตเบิกโพลงก่อนขยับใบหน้าหนี จนเขาได้สติจึงยืดตัวขึ้นนั่งมองหน้าเธอที่ทำหน้าเหมือนช็อกหนักหนาแล้วกระแอมหลายครั้งเพื่อกลบเกลื่อนความประหม่าของตนเอง

“อึ้มมม เอ่อ คือ ทำไม แค่หอมแก้มเมียแค่นี้ คุณมีปัญหาหรอ”

“ฉันไม่ได้เป็นเมียคุณซักหน่อย”

คิ้วเข้มกระตุก เมื่อคนตัวบางตรงหน้าเอาแต่ปฏิเสธความสัมพันธ์กับเขา ทั้งๆที่มีผู้หญิงนับล้าน อยากที่จะมีโอกาสเข้ามายืนอยู่ในชีวิตของเขาในตำแหน่งที่เธอยืนอยู่ในตอนนี้ มันทำให้เขารู้สึกไม่พอใจและเสียความมั่นใจไปเหมือนกัน จึงต้องเอ่ยทำลายขวัญของผู้หญิงที่ไม่เห็นค่าเขาคนนี้

“ให้คิดอีกที”

เขาจ้องหน้าเธอด้วยดวงตาเยือกเย็น ทำให้เธอรีบยกมือขึ้นมาปิดปาก และสบถในลำคอเบาๆกับความปากไวของตัวเอง

“เป็นเมียก็ได้ ทางนิตินัย ฉันเป็นเมียคุณ”

“พฤตินัยด้วย ท่าทางคุณจะแพ้ท้องจนเพี้ยนไปแล้วนะ จำไม่ได้เสียทีว่าผลผลิตที่ผมเสียเหงื่อทำออกมา เขาเกิดขึ้นมาได้อย่างไร”

“แต่เราแต่งงานกันแค่ในนามนะ แต่งกันเพราะต้องรับผิดชอบลูก ไม่ได้จะอยู่ด้วยกันแบบสามีภรรยาจริงๆเสียหน่อย”

“ผมพูดแบบนั้นไปตอนไหน”

เออ จริง เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลย ว่าเขากับเธอจะอยู่ด้วยกันแบบไหน แต่เขาบอกว่าเขาจะมีใครก็ได้ ไม่ให้เธอมายุ่งเกี่ยว แต่เธอห้ามมีใครจนกว่าจะคลอด และถ้าเธอมีใครก่อนสองปีนี้ เธอกับเขาจะหย่ากันทันทีนี่นา แล้วมันไม่ได้หมายความกลายๆว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันฉันผัวเมียหรอกหรือ

“แต่คุณบอกว่าคุณจะมีคนอื่นก็ได้ แต่ฉันห้ามมี ไม่งั้นเราต้องหย่ากัน”

“อืม ก็ใช่ แต่ผมบอกตอนไหน ว่าเราจะอยู่ด้วยกันแค่ในนาม”

“ไม่ได้บอก แต่คนไม่ได้รักกัน ก็ควรอยู่กันแบบนี้ไม่ใช่หรอ”

“อัณณา สองปีที่ผมต้องนอนกับคุณบนเตียง คุณใช้อะไรมาคิดว่าเราจะไม่มีอะไรกัน”

คนตัวเล็กตกใจในสิ่งที่เขาพูดออกมา จึงละล่ำละลักปฏิเสธเขาเสียจนลิ้นแทบพันกัน

“มะ ไม่ได้นะ ฉันไม่ยอม”

“ผมไม่ได้ถามความยินยอม เพราะผมเคยบอกข้อตกลงไปแล้ว ว่าคุณต้องทำตามที่ผมบอกทุกอย่าง”

“คนฉวยโอกาส”

“อืม ผมยอมรับ ตอนนี้คุณคือ นางอัณณา อธิพัฒน์โภคิน ผมมีสิทธิ์ชอบธรรมในตัวคุณทุกซอกทุกมุม ผมจะทำอะไรกับคุณก็ได้”

“แต่ฉันท้องอยู่นะ”

“ผมจะทำเบาๆ”

คนหน้ามึนอมยิ้มมุมปาก รู้สึกชอบใจกับดวงตากลมโตที่เบิกแล้วเบิกอีกด้วยความตกใจนั่นของเธอจริงๆ

“คุณโปรด”

“ครับ”

“อย่าแกล้งฉันสิ”

“ผมไม่ได้แกล้ง ผมเอาจริงๆ”

เท่านั้นแหละ เธอเลยพลิกตัวหันหลังหนีสายตาวิบวับของเขา เรียกเสียงหัวเราะเบาๆ ของเขาให้ดังตามมา

“ลุกเถอะ ผมมาตามไปกินข้าว”

“ไม่หิวค่ะ”

อันที่จริงเธอหิวจนท้องร้องตั้งแต่เขาบอกว่าให้เธอไปกินข้าวแล้ว แต่ก็รู้สึกประหม่าอายจนไม่อยากจะไปนั่งร่วมโต๊ะกับเขา

“ไม่ได้ คุณไม่หิวแต่ลูกของเราหิว”

มือใหญ่เอื้อมเข้ามาลูบหน้าท้องที่แบนราบของเธอเบาๆ ทำเอาเธอนอนตัวเกร็งด้วยความตกใจ

“คุณโปรด”

“ไปกินข้าวกันนะ”

เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาอย่างนุ่มนวลชวนเคลิ้มฝัน เธอรู้สึกดีเหลือเกินจนไม่มีแรงปฏิเสธเขาออกไป

“ก็ได้ค่ะ”

เธอยอมลุกตามเขาออกไปนั่งกินอาหารเย็นฝีมือเขาแต่โดยดี เมื่อกินข้าวเสร็จ เขาก็รินนมสดใส่แก้วให้เธอแก้วใหญ่

“ดื่มนมหน่อยนะ วันนี้เตรียมนมสำหรับคนท้องไม่ทัน เดี๋ยวพรุ่งนี้หลังเลิกกอง ผมไปแวะซื้อให้นะ”

“ฉันไปแวะซื้อเองก็ได้ค่ะ พรุ่งนี้เข้าออฟฟิศ ถ้าคุณโดนแอบถ่ายในแผนกนมแม่ตั้งครรภ์ขึ้นมาจะยุ่ง”

“งั้นผมไปรับคุณที่ทำงานแล้วกัน จะได้ไปเลือกด้วยกัน”

“ฉันว่าถ้าโดนถ่ายตอนมีฉันอยู่ด้วย มันจะยุ่งยิ่งกว่าเดิมนะคะ”

“ไม่เป็นไร ผมมีแมส มีหมวกในรถตลอดเวลา ไม่มีใครจำได้หรอก”

ว่าได้หรอ ทั้งหุ่น ทั้งผิวพรรณ เสื้อผ้า และทุกอย่างที่รวมเป็นเขา มันออกจะโดดเด่นสะดุดตา ทะลุแมสทะลุหมวกออกมาซะขนาดนั้น

“คุณไม่รู้ตัวหรอ ว่าคุณยิ่งโดดเด่นตอนคุณพรางตัวแบบนั้น”

“หึหึ จะบอกว่าผมหล่อ ว่างั้น”

“ไม่ได้พูดซักคำค่ะ แต่แต่งตัวแบบนั้นแล้วทำลับๆล่อๆ คนยิ่งมอง”

“ก็ใครจะทำลับๆล่อๆเล่า คุณคอยดูผมเถอะ ไม่มีใครจับได้หรอกน่า ผมทำแบบนี้ตอนไปห้องสาวบ่อยๆ”

“ค่ะ ไม่ได้อยากรู้”

คุณแม่เหวี่ยง แล้วเดินเข้าห้องนอนไปทันที จานชามก็ไม่ล้าง เพราะฉุนนิดหน่อยที่เขาพูดจาไม่เข้าหู ก็ใครอยากจะรู้เรื่องเขากับสาวๆคนอื่นกันล่ะ

ดาราหนุ่มมองตามสาวขี้งอนของเขา จริงๆก็ไม่ได้อยากพูดอะไรแบบนี้หรอก แต่แค่อยากจะเช็กเรตติ้งนิดหน่อย ว่าเมียของเขาจะรู้สึกหึงหวงเขาบ้างหรือเปล่าเท่านั้นเอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel